นอกจาก พล.อำเภออนุดงษ์ เผ่าจินดา และก็ นายสุชาติ ดูกลิ่น ที่เฝ้าติดตามกรรมวิธีการ “กราบ” ของ นายกรุงศรีสวยงาม สุทินเผือก ต่อ พล.อำเภอประวิตร วงษ์กาญจน์ เมื่อเหยียบจังหวัดสมุทรปราการ
เชื่อถือว่ายังมี พล.อำเภอประยุทธ์ จันทร์อร่อย นั่งมองจากที่พักในกรมทหารราบที่ 1 พร้อมทั้งคำถามที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นมากไม่น้อยเลยทีเดียว
เนื่องมาจากข้างในกรรมวิธี “กราบ” นี้ ยังตามมาด้วยคำรับรองจากกรุ๊ป สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ พรรคพลังประชากรเมือง ว่าอยากให้มีการปรับ คณะรัฐมนตรี
รวมทั้งการปรับ คณะรัฐมนตรีคราวนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากการโยก พล.อำเภออนุดงษ์ เผ่าจินดา ออกมาจากกระทรวงมหาดไทย แล้วแทนที่ด้วย พล.อำเภอประวิตร วงษ์ทอง
ความน่าดึงดูดใจอย่างที่สุดไม่เฉพาะแต่ ด้านหนึ่ง พล.อำเภอประวิตร วงษ์กาญจน์ จะดำรงแนวทางว่าการปรับ คณะรัฐมนตรีเป็นอำนาจของ พล.อำเภอประยุทธ์ จันทร์โอชะ นายกฯแค่นั้น
แม้แต่ว่ายังมีข่าวสารตามมาอีกด้วยว่า ถ้ามีการปรับ คณะรัฐมนตรีผลก็คือจะมีโควต้ารัฐมนตรีมอบให้กับบรรดา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการด้วย 1 ตำแหน่ง
ผู้ที่ถอนใจยาวย่อมเป็น พล.อำเภอประยุทธ์ จันทร์โอชะ กับ พล.อำเภออนุดงษ์ เผ่าจินดา อย่างแน่นอน
น่าสังเกตว่า เหตุการณ์ในกรกฎาคม 2565 ดำเนินไปคล้ายคลึงราวเหตุการณ์ใน ก.ย. 2564 ก็แค่เปลี่ยนแปลงนักแสดงแค่นั้น
เมื่อก.ย. 2564 บางทีอาจเป็น ร้อยเอกธรรมนัส พระพรหมเผ่า แต่ว่าในกรกฎาคม 2565 เป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ
เมื่อกันยายน 2564 คล้ายกับว่าเป้าจะมีการเกี่ยวโยงไปถึงตำแหน่งนายกฯของ พล.อำเภอประยุทธ์ จันทร์โอชะ แม้กระนั้นที่ยืนพื้นยังเป็น พล.อำเภออนุดงษ์ เผ่าจินดา กระทรวงมหาดไทย
เมื่อก.ค. 2565 ไม่เพียงแค่เป็นความมองเห็นในห้องประชุมพรรคพลังประชาชนเมือง ถ้าเกิดแต่ว่ามีดำเนินการโดย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ ด้วยความมั่นคงและก็ขมักเขม้น
ย้ำจุดมุ่งหมายสู่ พล.อำเภออนุดงษ์ เผ่าจินดา อย่างเป็นเอกภาพ
ถ้าดูจากด้านของ พล.อำเภอประวิตร วงษ์ทอง ก็ยังดำรงสถานะที่ความเป็น “พี่ใหญ่” อยู่อย่างไม่เปลี่ยน แผ่ความกรุณาปรานีออกไปรอบๆ
เมื่อมีการก้มตัวกราบแทบจะเท้าทุกๆอย่างก็เป็นระเบียบราบรื่น
อุปสรรคขุ่นข้องหมองหมางอันปรากฏผ่าน “ไลน์” ข้างในกรุ๊ป สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคพลังประชาชนเมือง ก็เกือบจะปราศจากความหมายอะไร
เพียงแต่ว่า “การทำสงคราม” นี้จะมีความก้าวหน้าไปยังไงเพียงแค่นั้น
